แคนา

แคนา

ต้นแคนาเป็นต้นไม้ทรงพุ่ม ดอก ใบและฝักแลดูสวยงาม เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงาและเป็นไม้ประดับ ดอกแคนาสามารถนำมาทำเป็นอาหารได้ เช่น ต้มจิ้มรับประทานกับน้ำพริก ทำแกงส้ม เนื้อไม้ของต้นแคนาสามารถนำมาใช้ทำสิ่งปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนได้ เช่น ทำเป็นเสา ไม้กระดาน ฝ้าเพดาน พื้น และใช้ทำเครื่องใช้ต่างๆ นอกจากนี้ส่วนต่างๆ ของต้นแคนายังมีสรรพคุณด้านสมุนไพรใช้ทำยาพื้นบ้าน เช่น ใช้เป็นยาขับเสมหะ ช่วยบำรุงโลหิต ช่วยแก้เสมหะ ช่วยในการขับถ่าย ช่วยแก้โรคชัก ใช้รักษาแผล เป็นต้น

ชื่อสามัญ : Trumpet Tree

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dolichandrone serrulata (DC.) Seem.

วงศ์ : BIGNONIACEAE

ชื่ออื่น : แคขาว แคเก็ตวา แคเก็ตถวา แคเค็ตถวา (เชียงใหม่) แคภูฮ่อ (ลำปาง) แคทราย (นครราชสีมา) แคยาว แคอาว (ปราจีนบุรี) แคยอดดำ (สุราษฎร์ธานี) แคตุ้ย แคแน แคฝา แคฝอย แคหยุยฮ่อ แคแหนแห้ (ภาคเหนือ) แคนา (ภาคกลาง)

การแพร่กระจาย : ต้นแคนาพบในแถบประเทศเอเชียเขตร้อน เช่น บังคลาเทศ พม่า ไทย ลาว เวียดนาม ในประเทศไทยพบได้ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ขึ้นประปรายตามป่าเบญจพรรณ ป่าเปิด บริเวณพื้นล่างถึงป่าดิบเขาสูง ความสูงไม่เกิน 300 ม. และพบตามทุ่งนาในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :

ต้นแคนาเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงได้ถึง 10-20 เมตร ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดแคบทรงกระบอก เปลือกลำต้นสีน้ำตาลอ่อนอมเทา มีจุดดำประปราย ผิวต้นเรียบหรือหลุดล่อนเป็นเกล็ดขนาดเล็ก มักแตกกิ่งต่ำ กิ่งก้านเรียวเล็ก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียวปลายคี่ ช่อใบยาวประมาณ 30-45 เซนติเมตร ใบย่อยออกตรงข้าม 3-5 คู่ ใบย่อยรูปรีหรือรูปใบหอก ปลายแหลม โคนใบเบี้ยว ใบกว้างประมาณ 2.5-7 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6-16 เซนติเมตร ขอบใบหยักแบบซี่ฟันตื้นๆ แผ่นใบด้านบนเรียบ ด้านล่างมีขนสั้นประปรายบนก้านใบ ก้านใบย่อยยาวประมาณ 7-10 มิลลิเมตร ดอกออกเป็นช่อแบบช่อกระจะสั้น ออกตามปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 2-10 ดอก ดอกใหญ่รูปแตรสีขาว มีกลิ่นหอม ก้านดอกยาวประมาณ 1.8-4 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อนหนาและเหนียว เชื่อมติดกันเป็นหลอดยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร ปลายเรียวเล็กหุ้มดอกตูมไว้มิด เมื่อดอกบานปลายกลีบเลี้ยงจะขยายออกเป็น 5 แฉกรูประฆัง และจะแตกออกเป็นกาบหุ้มกลีบดอก โคนกลีบดอกสีเขียวอ่อน เชื่อมติดกันเป็นหยอดยาวประมาณ 13-14 เซนติเมตร ปลายกลีบดอกบานออกคล้ายปากแตรแยกเป็น 5 กลีบ กลีบสีขาวรูปไข่ ยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร ขอบกลีบย่นหยักเป็นคลื่น เกสรตัวผู้สีเหลืองติดอยู่ภายในท่อกลีบดอก มี 4 อัน ยาว 3-5 เซนติเมตร เกสรตัวเมีย 1 อัน ยาว 10-12 เซนติเมตร ดอกแคนาจะทยอยบานทีละดอกในตอนกลางคืน ผลเป็นฝักแบนยาวรูปขอบขนาน โค้ง บิดเป็นเกลียว ปลายแหลม ฝักยาวประมาณ 40-60 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1.8 เซนติเมตร เมล็ดเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีปีกบางใส ขนาดกว้างประมาณ 5-8 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 2.2-2.8 เซนติเมตรรวมปีกบางใส

ฤดูออกดอก : แคนาออกดอกช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน และติดฝักช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม

การขยายพันธุ์ : ต้นแคนาขยายพันธุ์ได้ทั้งการเพาะเมล็ด การตอนกิ่งและการปักชำกิ่ง แต่จะนิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย สามารถทำได้สะดวก

การปลูก : ดินที่เหมาะในการปลูกต้นแคนาควรเป็นดินร่วนปนดินทรายที่ระบายน้ำได้ดี และควรปลูกในที่โดนแดดตลอดทั้งวัน ควรรดน้ำสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

การใช้ประโยชน์ :

ต้นแคนาเป็นต้นไม้ทรงพุ่ม ดอก ใบและฝักแลดูสวยงาม เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงาและเป็นไม้ประดับ ดอกแคนาสามารถนำมาทำเป็นอาหารได้ เช่น นำมาลวกหรือต้มจิ้มรับประทานกับน้ำพริก นำมาทำแกงส้ม เนื้อไม้ของต้นแคนาสามารถนำมาใช้ทำสิ่งปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนได้ เช่น ทำเป็นเสา ไม้กระดาน ฝ้าเพดาน พื้น เป็นต้น นอกจากนี้ส่วนต่างๆ ของต้นแคนายังมีสรรพคุณด้านสมุนไพรใช้ทำยาพื้นบ้าน เช่น ใบนำมาต้มกับน้ำเป็นยาบ้วนปาก ใช้ตำพอกรักษาแผล เมล็ดมีรสหวานเย็น ใช้เป็นยาแก้อาการปวดประสาท ช่วยแก้โรคชัก ช่วยในการนอนหลับ ดอกมีรสหวานเย็น ช่วยในการนอนหลับ แก้ไข้หัวลม ใช้เป็นยาขับเสมหะ ช่วยขับผายลม ช่วยในการขับถ่ายให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น รากมีรสเย็น ตำเป็นยาพอกแก้ฝีเปื่อยพัง แก้บวม ต้มนำดื่มแก้เสมหะ ถ่ายพยาธิ บำรุงโลหิต เปลือกต้น เป็นยาระงับเชื้อใช้ชำระล้างบาดแผล ห้ามเลือด สมานแผล และต้มน้ำดื่ม แก้บิด ท้องร่วง ท้องอืดท้องเฟ้อ ใช้กับสตรีหลังคลอดบุตร

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง